วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ดีไซเนอร์ที่ชอบบ





Alan Fletcher

คือผู้บุกเบิกของอุตสาหกรรมการออกแบบ graphic ในประเทศอังกฤษ เขาเกิดที่เคนยา และได้ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษกับแม่ หลังจากพ่อเสียชีวิต โดยอาศัยอยู่ในย่านตะวันตกของกรุงลอนดอน เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำในปี1939 และต่อมาก็ได้ตัดสินย้ายมาเรียนที่ Hammersmith School of Art เป็นวิทยาลัยที่ดีเลิศทางด้านศิลปะ และ Central School เขาได้พบกับ Colin Forbes และ Theo Crosby หลังจากเรียนจบที่ Central School เขาได้ทุนไปเรียนต่อที่ Yale University เขาเลือกเรียนสาขา graphic design และเขาก็ได้แต่งงานกับ Paola Biagi แฟนสาวชาวอิตาลีหลังจากแต่งงาน เขาได้มีโอกาสไปพบกับนักออกแบบที่มีชื่อเสียง เช่น Robert Brownjohn และ Tom Geismar ที่นิวยอร์ก และเขาก็ตัดสินใจทำงานอยู่ที่ลอสแองเจลิส เขาได้ทำงานเป็นผู้ช่วยของนักออกแบบชื่อ Saul Bass อยู่ระยะหนึ่ง เขารักที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา แต่ภรรยาของเขาอยากอยู่ในยุโรปมากกว่า เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับลอนดอนแต่ได้ไปแวะพักอาศัยระยะสั้นๆในอิตาลี เขาจึงตัดสินใจทำงานใน Pirelli design studio เพื่อหาเงิน และต่อมาก็พบว่าอังกฤษกำลังตกอยู่ในยุคมืดของวงการออกแบบ เขาจึงย้ายกลับไปที่อเมริกาเพื่อทำงานร่วมกับ Colin Forbes หลังจากนั้นเขาและ Forbes ได้เป็นเพื่อน กับ Bob Gill ร่วมมือกันทำงาน และหลังจากนั้นเขาก็เป็นผู้ก่อตั้ง Fletcher/Forbes/Gill studio ขึ้นในปี 1960 และ Pentagram ในปี 1972


สตูดิโอที่พวกเขาสร้างขึ้นก็เริ่มมีชื่อเสียง แต่ วงการ graphic design ในลอนดอนก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อมีการเข้ามาของนักออกแบบชื่อดังอาทิ เช่น Gill Bob และ Brooks แต่ในปี 1963 Bob Gill ได้ลาออกจากบริษัทไป แต่ก็ได้ Crosby เข้ามาทำงานแทน Alan Fletcher ก็ได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำออกมามากมาย และยังได้แต่งหนังสือที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาและแนวความคิดในการทำงาน เช่น 
Designed to be open at random,The Art of Looking Sideways,Alan Fletcher’s 2001 book เป็นต้น


ตัวอย่างผลงาน




เหตุผลที่ชื่นชอบ Alan Fletcher
เขาเป็นนักออกแบบที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง ซึ่งโดดเด่นมาก การคิดงานออกแบบของเขาดูคิดเยอะ แต่ทำน้อย ซึ่งทุกๆ ผลงานน่าทึ่งมาก จนบางทีทำให้เราคิดตามว่า เออ... เขาคิดได้อย่างไร ก็เลยเลือก Alan Fletcher มา ซึ่งในปัจจุบันและอนาคต
ข้าพเจ้าก็อยากจะมีความคิดทางการออกแบบให้ได้อย่าง Alan Fletcher บ้าง แต่คงต้องใช้ความพยายามมากเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น: